สร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ ดีอย่างไร?

สร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ ดีอย่างไร?

5 ข้อดีของการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ ที่ช่วยสร้างแบรนด์ให้รักษ์โลกและน่าจดจำ พร้อมไอเดียออกแบบที่เหมาะกับธุรกิจ

หัวใจของการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ มี 5 ด้านหลักๆ คือ

  • สร้างภาพลักษณ์รักษ์โลก: ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • เพิ่มมูลค่าสินค้า: ผิวสัมผัสและสีน้ำตาลธรรมชาติ (Classic Brown) ทำให้สินค้าดูพรีเมียมขึ้น
  • เป็นสื่อโฆษณา: พื้นที่บนถุงเหมาะสำหรับ พิมพ์โลโก้ หรือสโลแกน ให้คนเห็นและจดจำแบรนด์
  • ทนทานและใช้ซ้ำได้: ถุงกระดาษคราฟท์มีหูหิ้วที่แข็งแรง ลูกค้าจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Brand Exposure เพิ่ม)
  • สร้างประสบการณ์ที่ดี: การได้รับสินค้าในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม สร้างความประทับใจแรก (First Impression) ที่ดีกว่า

การสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือกลยุทธ์ที่จำเป็น แม้ว่าธุรกิจ SME หลายแห่งอาจมองว่าบรรจุภัณฑ์เป็นเพียงแค่ “ค่าใช้จ่าย” แต่ความจริงแล้ว มันคือ “การลงทุน” ด้านการตลาดที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่ง

ปัญหาคือ หลายคนยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนจากถุงพลาสติกมาเป็นถุงกระดาษคราฟท์ มัน “ดีกว่า” จริงไหม? จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้อย่างไร? และต้องออกแบบ แบบไหนถึงจะ “ปัง” ไม่ใช่ “พัง”

บทความนี้ เราในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ จะมาเจาะลึกให้ชัดๆ ว่า ถุงกระดาษคราฟท์ช่วยสร้างแบรนด์ได้อย่างไร พร้อม 5 ข้อดีที่จับต้องได้ รวมถึงตารางเปรียบเทียบกับถุงพลาสติก และไอเดียการออกแบบที่ธุรกิจคุณนำไปใช้ได้ทันที

มีหัวข้ออะไรบ้าง?

ถุงกระดาษคราฟท์ คืออะไร?

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องแบรนด์ดิ้ง (Branding) หรือ การสร้างแบรนด์ เรามาทำความรู้จักกับตัวตนของ “ถุงกระดาษคราฟท์” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์นี้กันก่อนดีกว่า

ถุงกระดาษคราฟท์ (Kraft Paper Bag) คือ บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเยื่อไม้ (Wood Pulp) ด้วยกระบวนการคราฟท์ (Kraft Process) ซึ่งกระดาษที่ได้จะเหนียว และทนทานต่อการฉีกขาดได้ดีกว่ากระดาษทั่วไป เอกลักษณ์เด่นของถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ําตาล ธรรมชาติ (ที่เรียกว่าสี KI หรือ KP) ให้ความรู้สึกดิบ เท่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากสีน้ำตาล ยังมีกระดาษคราฟท์สีขาว (White Kraft) ที่ผ่านการฟอกเล็กน้อย เพื่อให้พิมพ์สีหรือโลโก้ได้ชัดเจนขึ้น และยังมีการกำหนด “แกรม” (gsm) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความหนาของกระดาษ โดยแกรมที่สูงขึ้นก็จะสามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้นด้วย

5 ข้อดีของการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์

นี่คือเหตุผลหลักที่ตอบคำถามว่า ทำไมต้องใช้ถุงกระดาษคราฟท์สร้างแบรนด์ แทนที่จะใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบเดิมๆ โดยแต่ละข้อจะส่งผลต่อการรับรู้แบรนด์ (Brand Perception) โดยตรง ดังนี้

1. สร้างภาพลักษณ์แบรนด์รักษ์โลก (Eco-Friendly Image)

นี่คือจุดแข็งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจยุคนี้ เพราะค่านิยมของผู้บริโภคได้กลายเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Millennials และ Gen Z ไม่ได้เลือกซื้อของจาก “คุณภาพ” หรือ “ราคา” เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขา “เลือกแบรนด์” ที่มี “จุดยืน” สอดคล้องกับค่านิยมของตัวเอง

การที่แบรนด์ของคุณเลือกใช้ ถุงกระดาษรักษ์โลก ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Biodegradable) และรีไซเคิลได้ 100% คือการ “กระทำ” (Action) ที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ (Greenwashing) แต่มันคือการสื่อสารที่ทรงพลังว่า “เราใส่ใจโลก และเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

สิ่งนี้ช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ (Emotional Connection) กับลูกค้ากลุ่มที่ใส่ใจเรื่อง ความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นกลุ่มที่พร้อมจะจ่ายแพงขึ้น (Willingness to Pay) และมีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สูงกว่ากลุ่มทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ

ถุงกระดาษคราฟท์พร้อมต้นไม้ในถุง สื่อภาพลักษณ์แบรนด์รักษ์โลก Eco-Friendly

2. เพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือ (Premium Look & Feel)

ลองนึกภาพตามระหว่างได้รับกาแฟในถุงพลาสติกใสๆ บางๆ กับการได้รับใน ถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ําตาล สวยๆ ที่มีผิวสัมผัสหรือ texture หยาบนิดๆ แบบไหนให้ความรู้สึก “พรีเมียม” กว่ากัน?

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า  “การรับรู้คุณค่า” (Perceived Value) ผิวสัมผัสและสีที่เป็นธรรมชาติของกระดาษคราฟท์ ไม่ว่าจะสีน้ำตาลที่ดูดิบๆ หรือสีขาวที่ดูสะอาดตา สามารถช่วยยกระดับสินค้าธรรมดาให้ดู “มีราคา” และ “มีความตั้งใจ” ในการนำเสนอทันที มันสื่อถึงความ “จริงใจ” (Authentic) ของแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้ามีคุณภาพและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป นี่คือพลังของการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ที่ส่งผลโดยตรงต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค

ถุงคราฟท์ทรงแบบซอง สื่อความพรีเมียมของบรรจุภัณฑ์

3. เป็นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ (Marketing Space)

นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ต่างชื่นชอบข้อดีถุงกระดาษคราฟท์ ข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะถุงกระดาษไม่ได้ทำหน้าที่แค่ “ใส่ของ” แต่ยังเป็น “พื้นที่สื่อ” (Owned Media Space) ที่คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อซ้ำ

เมื่อลูกค้าถือถุงของคุณเดินไปตามที่ต่างๆ ถุงนั้นก็กลายเป็น ป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ (Walking Billboard) ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งการพิมพ์โลโก้ สโลแกน หรือ CI (Corporate Identity) ของแบรนด์ลงบนถุง จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในวงกว้าง

เพื่อให้ถุงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่าจำกัดแค่การใส่โลโก้ ลองเพิ่มลูกเล่น เช่น  QR Code ที่สแกนแล้วนำไปสู่หน้า Instagram ของร้าน , หน้าโปรโมชั่นล่าสุด หรือแม้แต่หน้า “วิธีการนำถุงนี้ไปรีไซเคิล” (เพื่อตอกย้ำจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อม) สิ่งนี้จะเปลี่ยนถุงกระดาษธรรมดา ให้เป็นเครื่องมือสร้างปฏิสัมพันธ์ (Engagement Tool) ที่ทรงพลังได้ทันที

คนถือถุงกระดาษคราฟท์ขณะข้ามถนน สื่อถุงเป็นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่

4. แข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้จริง (มากกว่าที่คิด)

หลายคนอาจกังวลว่าถุงกระดาษจะขาดง่าย แต่ด้วย กระบวนการคราฟท์ ทำให้เยื่อกระดาษเรียงตัวกันอย่างแน่นหนา ส่งผลให้กระดาษมีความเหนียวและทนทานต่อการฉีกขาดสูง

โดยเฉพาะ ถุงกระดาษคราฟท์หูหิ้ว (ไม่ว่าจะเป็นแบบเชือก หรือแบบหูแบน) ที่เลือกใช้ “แกรม” (gsm) ได้เหมาะสมกับน้ำหนักสินค้า (เช่น 120 gsm ขึ้นไป) จะแข็งแรงพอที่ลูกค้าจะ “นำกลับมาใช้ซ้ำ” (Reusable) ได้หลายครั้ง

ในมุมของการสร้างแบรนด์ นี่คือประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

  1. สร้างความไว้วางใจ (Brand Trust): การที่ถุงไม่ขาดระหว่างทางคือการสร้างความประทับใจและความไว้วางใจในแบรนด์ที่ดีที่สุด
  2. ตอกย้ำแบรนด์ (Repetition): เมื่อลูกค้าใช้ถุงของคุณซ้ำในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้ใส่ของไปทำงานหรือไปฟิตเนส โลโก้ของคุณก็จะถูก “เห็นซ้ำ” ในบริบทใหม่ ๆ เป็นการตอกย้ำแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนที่สุด
ถุงคราฟท์ใส่ของชำเต็มถุง แสดงความแข็งแรงและใช้งานซ้ำได้

5. สร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience)

ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างแบรนด์คือการสร้าง “ประสบการณ์” ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นแค่ที่หน้าร้านหรือบนหน้าเว็บไซต์ แต่เริ่มตั้งแต่ลูกค้าเห็นโฆษณาไปจนถึงวินาทีที่พวกเขาได้รับสินค้าไว้ในมือ

การได้รับสินค้าในถุงกระดาษคราฟท์ที่ออกแบบมาอย่างดี มันคือ “ประสบการณ์แกะกล่อง” (Unboxing Experience) ขนาดย่อมที่สร้างความประทับใจแรก (First Impression) ได้ทันที

นี่คือผลลัพธ์ที่เกิดจากการผสมผสาน ข้อดีทั้ง 4 ข้อ เข้าด้วยกัน ลูกค้าจะรู้สึกดีที่ได้สนับสนุนแบรนด์รักษ์โลก (ข้อ 1) ได้รับสินค้าที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม (ข้อ 2) มั่นใจในความแข็งแรงที่ใช้งานได้จริง (ข้อ 4) และประทับใจในดีไซน์ที่สวยงามจนอยากถ่ายรูปบอกต่อ (ข้อ 3)

ความรู้สึก “พิเศษ” นี้เอง ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์ มีแนวโน้มที่จะ กลับมาซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) และอยาก บอกต่อ (Word-of-Mouth) ซึ่งนี่คือเป้าหมายสูงสุดของการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์

มือสองข้างส่งต่อถุงกระดาษคราฟท์ในร้านกาแฟ สื่อประสบการณ์ลูกค้าที่ดี

ถุงกระดาษคราฟท์ vs ถุงพลาสติก (เลือกแบบไหนดี)

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าทำไมการสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์จึงได้เปรียบ เราได้ทำตารางเปรียบเทียบในมิติของการสร้างแบรนด์มาให้ดูกัน

คุณสมบัติถุงกระดาษคราฟท์ถุงพลาสติก (ทั่วไป)
ภาพลักษณ์แบรนด์รักษ์โลก, พรีเมียม, มินิมอล, จริงใจใช้งานทั่วไป, สะดวก, อาจถูกมองว่าทำลายสิ่งแวดล้อม
การย่อยสลายย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ, รีไซเคิลง่ายใช้เวลา 400-1,000 ปี, รีไซเคิลยากกว่า
การพิมพ์/ออกแบบพิมพ์โลโก้ได้สวยงาม, ผิวสัมผัสมีเอกลักษณ์พิมพ์สีได้หลากหลาย, ผิวลื่น
ความทนทานทนทานต่อน้ำหนัก, แต่ไม่ทนน้ำ/ความชื้นทนน้ำ/ความชื้นได้ดีมาก, แต่บางชนิดฉีกขาดง่าย
ต้นทุน (ต่อใบ)สูงกว่าเล็กน้อยต่ำกว่า
การใช้งานซ้ำลูกค้านิยมนำกลับมาใช้ซ้ำ (ถ้าดีไซน์สวย)มักใช้ครั้งเดียวทิ้ง

สรุปจากตาราง : ถ้าแบรนด์ของคุณเน้น “ภาพลักษณ์” และ “ความยั่งยืน” การลงทุนเพิ่มเล็กน้อยกับถุงกระดาษคราฟท์นั้น “คุ้มค่า” ในระยะยาว

ไอเดียออกแบบถุงกระดาษคราฟท์ พิมพ์โลโก้ อย่างไรให้คนจำ

เมื่อตัดสินใจเลือกใช้ถุงกระดาษแล้ว คำถามต่อมาคือ ออกแบบถุงกระดาษคราฟท์อย่างไรให้คนจดจำแบรนด์ได้? คำตอบไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อน แต่อยู่ที่ “ความชัดเจน

1. สไตล์มินิมอล (Minimalist)

  • เหมาะกับ: ร้านกาแฟ, ร้านเบเกอรี่, สินค้าแฮนด์เมด
  • วิธีทำ: ใช้เสน่ห์ของถุงกระดาษคราฟท์ สีน้ําตาล เป็นพื้นหลัง และพิมพ์โลโก้ ของคุณด้วยสีเดียว (เช่น สีดำ, สีขาว, หรือสี CI ของแบรนด์) วางไว้ตรงกลางให้เด่นชัด
  • ผลลัพธ์: ดูสะอาดตา, จริงใจ คลาสสิคและไม่เคยตกยุค

2. สไตล์โดดเด่น (Bold Graphic)

  • เหมาะกับ: แบรนด์แฟชั่น, สินค้าไลฟ์สไตล์, ร้านค้าที่ต้องการความแตกต่าง
  • วิธีทำ: ใช้วิธีพิมพ์ลายกราฟิก (Pattern) หรือภาพประกอบที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ลงไปเต็มพื้นที่ถุง (อาจใช้ถุงคราฟท์สีขาวเพื่อให้พิมพ์สีได้ชัด)
  • ผลลัพธ์: โดดเด่น, น่าจดจำ, คนอยากถ่ายรูปอวดหรือแชร์ต่อ

3. การเลือกหูหิ้ว (Handle Selection)

รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการเลือกหูหิ้วก็มีผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์

  • หูหิ้วแบบเชือก (เช่น เชือกเกลียว, เชือกถัก): ให้ความรู้สึกพรีเมียม หรูหรา เหมาะกับสินค้าแฟชั่นหรือของขวัญ
  • หูหิ้วแบบแบน (กระดาษพับ): ให้ความรู้สึกเป็นมิตร, รับน้ำหนักได้ดี, เหมาะกับร้านอาหาร Takeaway หรือร้านเบเกอรี่

4. เพิ่มลูกเล่นด้วยเทคนิคการพิมพ์

นอกเหนือจากการพิมพ์ธรรมดา การเพิ่มเทคนิคพิเศษจะช่วยยกระดับดีไซน์ถุงกระดาษคราฟท์ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

  • Hot Stamping (ปั๊มฟอยล์): การปั๊มโลโก้ด้วยฟอยล์สีทอง เงิน หรือโรสโกลด์ จะช่วยเพิ่มความหรูหราและพรีเมียมได้ทันที
  • Embossing/Debossing (ปั๊มนูน/ปั๊มจม): การปั๊มโลโก้ให้มีมิติขึ้นมาหรือบุ๋มลงไป จะทำให้ถุงกระดาษมีผิวสัมผัสที่น่าสนใจและดูมีดีไซน์เฉพาะ

5. ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ถุงกระดาษคือป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ อย่าจำกัดการออกแบบแค่บนตัวถุงเท่านั้น แต่ลองใช้พื้นที่ส่วนอื่นให้เป็นประโยชน์ เช่น 

  • เพิ่ม QR Code: ที่ลูกค้าสามารถสแกนเพื่อไปยังหน้าโซเชียลมีเดีย หน้าโปรโมชัน หรือหน้าแสดงวิธีการนำถุงไปรีไซเคิล
  • เล่าเรื่องราวบนตัวถุง: การออกแบบสามารถบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้ เช่น การเลือกใช้ตัวอักษรแบบลายมืออาจสื่อถึงความใส่ใจแบบโฮมเมด หรือใช้ลวดลายกราฟิกที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
  • ด้านในถุง: พิมพ์ลวดลายหรือข้อความที่สร้างความประหลาดใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้าเมื่อเปิดถุง
  • ด้านข้างหรือก้นถุง: ใส่ข้อมูลสำคัญ เช่น ที่อยู่ร้าน หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย
ตัวอย่างดีไซน์ถุงคราฟท์ มินิมอล กราฟิกโดดเด่น และหูหิ้ว/เทคนิคการพิมพ์

เช็กลิสต์ ถุงกระดาษคราฟท์เหมาะกับธุรกิจประเภทใด?

ลองตรวจสอบดูว่าธุรกิจของคุณอยู่ในกลุ่มนี้หรือไม่

  • ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม: ร้านกาแฟ, เบเกอรี่, ร้านอาหาร (สำหรับ Takeaway)
  • ธุรกิจแฟชั่นและเครื่องประดับ: ร้านเสื้อผ้า, ร้านรองเท้า, เครื่องประดับ (ที่ต้องการลุคพรีเมียม)
  • ธุรกิจของขวัญและของชำร่วย: ร้านดอกไม้, ร้านขายของที่ระลึก
  • ธุรกิจรักษ์โลก: สินค้าออร์แกนิก, ผลิตภัณฑ์ Eco-Friendly
  • ธุรกิจ SME: ที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดด้วยต้นทุนการตลาดที่ไม่สูงนัก

บทความนี้เขียนโดย ทีมงาน Bangkokquickprint เรามีประสบการณ์ตรงในการให้คำปรึกษาและออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างแบรนด์ให้กับธุรกิจ SME มากกว่า 10 ปี เราเข้าใจความท้าทายของเจ้าของธุรกิจ และมุ่งมั่นนำเสนอทางออกที่ “เวิร์คจริง” ทั้งในแง่การตลาดและสิ่งแวดล้อม

สรุป (Key Takeaways)

ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การสร้างแบรนด์ด้วยถุงกระดาษคราฟท์ของคุณประสบความสำเร็จ

  • ถุงกระดาษคราฟท์ไม่ใช่แค่ “บรรจุภัณฑ์” แต่คือ “เครื่องมือสร้างแบรนด์”
  • จุดแข็งที่สุดคือการสร้างภาพลักษณ์ รักษ์โลก และ “ความพรีเมียม”
  • ใช้พื้นที่บนถุงให้คุ้มค่าด้วยการพิมพ์โลโก้ที่ชัดเจน
  • ความทนทานของหูหิ้ว ทำให้เกิดการ “ใช้ซ้ำ” และ “เห็นซ้ำ”
  • ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (เทียบกับถุงพลาสติก) คือ “การลงทุน” ในภาพลักษณ์แบรนด์ระยะยาว
  • เริ่มต้นออกแบบโดยเน้น “ความชัดเจน” (มินิมอล) หรือ “ความแตกต่าง” (กราฟิก)

สิ่งที่คุณต้องพิจารณาคือ การประเมินต้นทุน เทียบกับ คุณค่าของแบรนด์ ที่จะได้รับในระยะยาว จากนั้นจึงมองหา พาร์ทเนอร์ อย่างโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์หรือนักออกแบบที่เข้าใจตัวตนของแบรนด์คุณ เพื่อสร้าง “ถุง” ที่เป็นมากกว่าแค่ “ถุง” นั่นเอง 

หากคุณกำลังมองหาไอเดียเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาเฉพาะทางสำหรับแบรนด์ของคุณ แนะนำให้ลองปรึกษาทีมออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเราฟรี หรือ ชมตัวอย่างผลงานการออกแบบถุงกระดาษคราฟท์ของเราเพื่อเป็นแนวทางได้เลย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

กระดาษคราฟท์มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร?

หลัก ๆ แล้ว กระดาษคราฟท์ที่ใช้ทำถุงมี 3 ประเภท ดังนี้
สีน้ำตาล (KI/KP): สีคลาสสิกที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและมักพบเห็นได้บ่อยที่สุด
สีขาว (White Kraft): ผ่านการฟอกสี ทำให้พิมพ์โลโก้หรือสีสันต่าง ๆ ได้ชัดเจนและคมชัดขึ้น
แบบรีไซเคิล: ผลิตจากกระดาษที่นำกลับมาใช้ใหม่ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ
กระดาษแต่ละแบบยังต่างกันที่ “แกรม” (gsm) ซึ่งหมายถึงความหนา ยิ่งแกรมสูง กระดาษก็จะยิ่งหนาและรับน้ำหนักได้มากขึ้น

ถุงกระดาษคราฟท์มีประโยชน์อะไรบ้าง?

ช่วยสร้างมูลค่าให้แบรนด์ได้หลายด้าน ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้แบรนด์ดู “รักษ์โลก” และ “พรีเมียม” แถมยังใช้เป็นพื้นที่โฆษณาเคลื่อนที่เวลาพิมพ์โลโก้ลงไป และถ้าดีไซน์สวยคนก็จะเก็บไว้ใช้ซ้ำ ช่วยตอกย้ำแบรนด์เราไปอีก

ถุงกระดาษคราฟท์มีข้อเสียอะไรบ้าง?

ข้อเสียหลักๆ มี 2 เรื่อง 1.ราคาสูงกว่าถุงพลาสติกทั่วไปเล็กน้อย 2. ไม่ทนน้ำและความชื้น หากไม่ได้เคลือบพิเศษ และถ้าถุงกระดาษโดนน้ำหรือฝนหนักๆ ก็อาจจะเปื่อยยุ่ยได้ครับ จึงต้องระวังในการใช้งานกับสินค้าที่มีความชื้นหรือในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ

ถุงกระดาษคราฟท์แตกต่างจากถุงพลาสติกอย่างไร?

แตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในด้านวัสดุ ภาพลักษณ์ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถุงกระดาษคราฟท์ทำจากเยื่อไม้ ย่อยสลายง่าย ให้ลุคพรีเมียม ส่วนถุงพลาสติกทำจากปิโตรเลียม ซึ่งใช้เวลาในการย่อยสลายนานมาก (หลายร้อยปี) และเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหามลพิษ แต่ข้อดีของเขาคือทนน้ำและราคาถูกกว่า

การเลือกใช้ถุงกระดาษคราฟท์เหมาะกับธุรกิจประเภทใด?

เหมาะมากกับธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ “ภาพลักษณ์” เป็นพิเศษครับ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดู รักษ์โลก พรีเมียม หรือจริงใจ เช่น ร้านกาแฟ เบเกอรี่ ร้านเสื้อผ้า สินค้าออร์แกนิก ของขวัญ หรือธุรกิจ SME ที่อยากสร้างความแตกต่างให้คนจดจำได้ง่ายๆ

พิมพ์โลโก้บนถุงกระดาษคราฟท์สีน้ำตาล สีจะเพี้ยนไหม?

สีจะ “ดรอป” ลงเล็กน้อย เพราะพิมพ์ลงบนพื้นสีน้ำตาล แต่ถ้าใช้สีที่เข้มตัดกัน (เช่น ดำ, ขาว, เขียวเข้ม) ก็จะออกมาสวยคลาสสิกครับ หรือถ้าอยากให้สีตรงเป๊ะ 100% แนะนำให้ใช้ถุงคราฟท์สีขาวแทน