แสดงภาพมือจับกระดาษคราฟท์พร้อมกระดาษซ้อนกัน

กระดาษมีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและเหมาะกับงานพิมพ์ไหนบ้าง

กระดาษเป็นวัสดุที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันและงานอุตสาหกรรมการพิมพ์มาอย่างยาวนาน แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า กระดาษมีกี่ชนิด และแต่ละชนิดเหมาะกับงานใดบ้าง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประเภทของกระดาษที่หลากหลาย พร้อมคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้กระดาษได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

ทำความรู้จัก ชนิดของกระดาษมีกี่แบบ?

กระดาษมีกี่ชนิด อะไรบ้าง หลายคนอาจสงสัย ความจริงแล้วกระดาษมีมากกว่า 10 ชนิดที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเขียน การพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ หรืองานศิลปะ โดยสามารถแบ่งกระดาษหลักๆ ตามคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานได้ดังนี้

ชนิดของกระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์

1.กระดาษอาร์ตมัน

กระดาษอาร์ตมัน เป็นกระดาษเคลือบผิวมันเงาทั้งสองด้าน ทำให้มีความเรียบลื่นและความมันวาวสูง คุณสมบัติเด่น

  • มีความขาวสว่าง ทำให้สีสันที่พิมพ์ลงไปสดใส
  • เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดของภาพและสีสัน
  • นิยมใช้ในงานพิมพ์แผ่นพับ โบรชัวร์ นิตยสาร แคตตาล็อกสินค้า
  • น้ำหนักกระดาษ: 80-170 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: งานพิมพ์ที่มีรูปภาพสีคุณภาพสูง หรืองานที่ต้องการความสวยงามเป็นพิเศษ

2.กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า

กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า มีลักษณะคล้ายกระดาษอาร์ตมัน แต่มีความหนาและแข็งกว่า เคลือบมันเพียงด้านเดียว คุณสมบัติเด่น

  • ด้านเคลือบมันเหมาะสำหรับการพิมพ์งานที่ต้องการความคมชัด
  • ด้านหลังไม่เคลือบเหมาะกับการจดบันทึกหรือเขียน
  • มีความแข็งแรงทนทานกว่ากระดาษอาร์ตมันทั่วไป
  • น้ำหนักกระดาษ: 210-350 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: นามบัตร การ์ดเชิญ ปกหนังสือ แท็กสินค้า และฉลากสินค้าคุณภาพสูง

3.กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า

กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า มีการเคลือบมันทั้งสองด้าน ทำให้สามารถพิมพ์งานได้ทั้งสองด้านอย่างมีคุณภาพ คุณสมบัติเด่น

  • มีความหนาและแข็งกว่ากระดาษอาร์ตมัน
  • เหมาะกับงานพิมพ์สองด้านที่ต้องการความคมชัดทั้งสองด้าน
  • ทนทานต่อการฉีกขาดและการใช้งาน
  • น้ำหนักกระดาษ: 210-350 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: นามบัตร โปสการ์ด การ์ดเมนู แผ่นพับพรีเมียม และสื่อสิ่งพิมพ์ที่ต้องการความทนทานสูง

4.กระดาษคราฟท์

กระดาษคราฟท์ มีลักษณะเด่นคือสีน้ำตาลธรรมชาติ ผลิตจากเยื่อไม้ที่ผ่านกระบวนการฟอกน้อย คุณสมบัติเด่น

  • มีความแข็งแรง ทนทานสูง
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผลิตจากวัสดุรีไซเคิล
  • มีความยืดหยุ่นดี ไม่ฉีกขาดง่าย
  • น้ำหนักกระดาษ: 70-350 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: ถุงกระดาษ บรรจุภัณฑ์ กล่องพัสดุ งานพิมพ์ที่ต้องการลุคแบบวินเทจหรือเป็นธรรมชาติ

5.กระดาษกล่องแป้งหลังขาว

กระดาษกล่องแป้งหลังขาว เป็นกระดาษแข็งที่มีผิวหน้าขาวเรียบ ด้านหลังเป็นสีขาว คุณสมบัติเด่น

  • มีความแข็งแรง เหมาะกับการทำบรรจุภัณฑ์
  • ผิวเรียบด้านหน้าเหมาะกับการพิมพ์งานคุณภาพดี
  • สามารถพับและขึ้นรูปได้ง่าย
  • น้ำหนักกระดาษ: 230-450 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: กล่องบรรจุภัณฑ์สินค้า กล่องอาหาร กล่องเครื่องสำอาง และสินค้าที่ต้องการภาพลักษณ์พรีเมียม

6.กระดาษกล่องแป้งหลังเทา

กระดาษกล่องแป้งหลังเทา มีลักษณะคล้ายกับกระดาษกล่องแป้งหลังขาว แต่ด้านหลังเป็นสีเทา คุณสมบัติเด่น

  • มีราคาถูกกว่ากระดาษกล่องแป้งหลังขาว
  • เหมาะกับงานพิมพ์ที่ไม่ต้องการความสวยงามด้านหลัง
  • มีความแข็งแรง ทนทาน
  • น้ำหนักกระดาษ: 230-450 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: บรรจุภัณฑ์ทั่วไป กล่องสินค้า งานพิมพ์ที่เน้นพิมพ์เพียงด้านเดียว

7.กระดาษฟอยล์

กระดาษฟอยล์ เป็นกระดาษที่ผิวด้านหนึ่งเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทอง เงิน หรือสีอื่นๆ คุณสมบัติเด่น

  • ให้ความเงางามพิเศษ สะท้อนแสงได้ดี
  • สร้างความรู้สึกหรูหรา พรีเมียม
  • มีความทนทานต่อความชื้นและการฉีกขาด
  • น้ำหนักกระดาษ: 210-300 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: บรรจุภัณฑ์สินค้าหรูหรา การ์ดเชิญพิเศษ ฉลากสินค้าพรีเมียม งานเทศกาลหรืองานฉลอง

8.กระดาษปอนด์

กระดาษปอนด์ เป็นกระดาษเนื้อเรียบละเอียด มีความขาวสูง คุณสมบัติเด่น

  • เนื้อกระดาษมีความละเอียด เรียบเนียน
  • เหมาะกับการเขียนและพิมพ์เอกสารทั่วไป
  • มีหลายความหนาให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม
  • น้ำหนักกระดาษ: 70-120 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: เอกสารสำนักงาน จดหมาย การพิมพ์เอกสารทั่วไป กระดาษหัวจดหมาย

9.กระดาษจั่วปัง

กระดาษจั่วปัง เป็นกระดาษที่มีความบางและเบา แต่มีความแข็งแรง คุณสมบัติเด่น

  • น้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงสูง
  • มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย
  • เหมาะกับงานที่ต้องการความบางแต่แข็งแรง
  • น้ำหนักกระดาษ: 50-90 แกรม (gsm)

งานพิมพ์ที่เหมาะสม: ซองจดหมาย ซองเอกสาร กระดาษห่อของขวัญ งานพับกระดาษ

ความเข้าใจเรื่องน้ำหนักกระดาษ (แกรม)

น้ำหนักกระดาษหรือ “แกรม” (GSM – Grams per Square Meter) คือหน่วยวัดที่บอกถึงความหนาและน้ำหนักของกระดาษ ซึ่งมีความสำคัญในการเลือกใช้งานให้เหมาะสม

  • กระดาษน้ำหนักเบา (50-90 แกรม): เหมาะสำหรับซองจดหมาย หนังสือพิมพ์ และกระดาษห่อของขวัญ
  • กระดาษน้ำหนักปานกลาง (90-170 แกรม): เหมาะสำหรับเอกสารทั่วไป โบรชัวร์ และแคตตาล็อก
  • กระดาษน้ำหนักหนัก (170-300 แกรม): เหมาะสำหรับปกหนังสือ นามบัตร และโปสการ์ด
  • กระดาษน้ำหนักหนาพิเศษ (300+ แกรม): เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ การ์ดแข็ง และงานที่ต้องการความทนทานสูง

การเลือกน้ำหนักกระดาษที่เหมาะสมจะช่วยให้งานพิมพ์ของคุณมีคุณภาพและความทนทานตามที่ต้องการ

สรุป

การเลือกใช้กระดาษให้เหมาะสมกับงานพิมพ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อคุณภาพของงานพิมพ์ ความทนทาน และความคุ้มค่าในการใช้งาน เมื่อคุณเข้าใจคุณสมบัติของกระดาษแต่ละชนิดและน้ำหนักกระดาษที่เหมาะสม คุณจะสามารถเลือกใช้กระดาษได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับชนิดของกระดาษ

1.กระดาษอาร์ตมันและอาร์ตการ์ดต่างกันอย่างไร?

กระดาษอาร์ตมันจะบางกว่าอาร์ตการ์ด โดยอาร์ตมันมีความหนาประมาณ 80-170 แกรม ในขณะที่อาร์ตการ์ดมีความหนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป ทำให้อาร์ตการ์ดมีความแข็งและทนทานมากกว่า

2.ควรเลือกใช้กระดาษชนิดใดสำหรับนามบัตร?

สำหรับนามบัตรควรเลือกใช้กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้าหรือ 2 หน้า ความหนาประมาณ 250-300 แกรม เพื่อให้นามบัตรมีความแข็งแรง ทนทาน ดูมีคุณภาพ

3.อะไรคือหน่วยวัดความหนาของกระดาษ?

หน่วยวัดความหนาของกระดาษที่นิยมใช้คือ “แกรม” (GSM) ซึ่งวัดน้ำหนักของกระดาษต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ยิ่งค่าแกรมสูง กระดาษยิ่งหนาและหนักมากขึ้น

4.กระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง?

กระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้แก่ กระดาษรีไซเคิล กระดาษคราฟท์ กระดาษที่ผลิตจากเยื่อไม้ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม (FSC) และกระดาษที่ผลิตจากวัสดุทดแทนเช่น ชานอ้อย ฟางข้าว หรือต้นกัญชง