ฉลากอาหารที่ดี ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง

คุณเคยสงสัยไหมว่า เวลาเลือกซื้ออาหาร เราควรดูอะไรบ้างบนฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน มาเรียนรู้วิธีอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียด เพื่อเป็นผู้บริโภคที่ฉลาดเลือกกันเถอะ!

ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีบนฉลากอาหาร

1.ข้อมูลความปลอดภัยขอผลิตภภัณฑ์

เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ซื้อมานั้นสด ใหม่ และปลอดภัย ต้องดูข้อมูลเหล่านี้

  • วันที่ผลิตและวันหมดอายุ: ถือเป็นข้อมูลพื้นฐานแต่สำคัญมากที่ผู้บริโภคต้องสังเกตและใส่ใจ เพราะบ่งบอกถึงความสดใหม่และระยะเวลาที่เหมาะสมในการบริโภคอาหารนั้น ๆ โดยต้องระบุเป็นวัน เดือน ปี ให้ชัดเจน หากวันหมดอายุใกล้เข้ามาหรือผ่านไปแล้ว ก็ไม่ควรเลือกซื้อหรือรับประทานเด็ดขาด เพื่อป้องกันอาหารบูดเน่าเสียหรือเสื่อมคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
  • วิธีการเก็บรักษา: ฉลากจะบอกวิธีเก็บรักษาที่ถูกต้อง เช่น ต้องแช่เย็นที่อุณหภูมิเท่าไหร่ เก็บในที่อากาศถ่ายเทหรือไม่ โดยหากทำตามคำแนะนำบนฉลาก จะช่วยรักษาคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้ยาวนานขึ้น ทำให้อาหารคงความสดใหม่ รสชาติดี และปลอดภัยต่อการบริโภค
  • คำเตือน: สิ่งที่ต้องพึงระวังคือคำเตือนต่าง ๆ บนฉลาก หากอาหารนั้นมีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไม่เหมาะสำหรับบางกลุ่ม เช่น เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัวบางชนิด จะมีข้อความระบุชัดเจนเพื่อเตือนและให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค ดังนั้นอย่ามองข้ามคำเตือนเหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น

2.ข้อมูลเพื่อความคุ้มค่า

นอกจากความปลอดภัยแล้ว เรายังอยากได้อาหารที่มีคุณค่าโภชนาการและราคาสมเหตุสมผล เช่น

  • ชื่อและประเภทอาหาร: เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ต้องระบุให้ชัดเจนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นจัดอยู่ในหมวดหมู่ใด เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการ
  • ส่วนประกอบ: ในส่วนของส่วนประกอบ ผู้ผลิตจำเป็นต้องระบุส่วนประกอบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตอาหารนั้น โดยเรียงลำดับจากส่วนประกอบที่มีปริมาณมากที่สุดไปจนถึงน้อยที่สุด ข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อผู้บริโภคที่มีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ผู้แพ้อาหาร ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการ เป็นต้น การแสดงส่วนประกอบอย่างครบถ้วนจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและประเมินคุณภาพของอาหารแต่ละยี่ห้อได้ดียิ่งขึ้น
  • ปริมาณสุทธิ: ผู้ผลิตต้องระบุปริมาณสุทธิเป็นหน่วยเมตริกที่ชัดเจน เช่น กรัม มิลลิลิตร เพื่อแสดงให้เห็นถึงขนาดบรรจุที่แน่นอนของอาหารนั้น ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถคำนวณหาปริมาณที่เหมาะสมต่อการบริโภคในแต่ละครั้ง รวมถึงช่วยในการเปรียบเทียบความคุ้มค่าด้านราคากับปริมาณที่ได้รับ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.ข้อมูลเพื่อการโฆษณา

การโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภค แต่บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตมักใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลบิดเบือนไปจากความเป็นจริง เช่น

  • รูปภาพและข้อความกล่าวอ้าง: หนึ่งในกลยุทธ์ที่พบเห็นได้ทั่วไปคือการใช้ภาพประกอบและข้อความโฆษณาที่ดูเกินจริง เช่น ภาพอาหารบนฉลากที่ถ่ายทำออกมาให้ดูน่ารับประทานเกินกว่าลักษณะที่แท้จริงของอาหารนั้น ๆ เมื่อผู้บริโภคซื้อไปรับประทานอาจรู้สึกผิดหวังที่สินค้าจริงไม่เหมือนอย่างที่คาดหวัง นอกจากนี้ข้อความกล่าวอ้างบนโฆษณาก็ต้องระมัดระวัง ไม่ควรเป็นข้อความที่เป็นเท็จหรือทำให้เกิดการเข้าใจผิด อาจเป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงบางประการ

ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องมีวิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลโฆษณาให้ถี่ถ้วน ไม่ควรเชื่อข้อมูลทุกอย่างที่ปรากฏบนโฆษณา ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจ พิจารณาให้รอบด้านก่อนเชื่อและซื้อสินค้า เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อและเกิดความเสียหายในภายหลัง การเป็นผู้บริโภคที่ฉลาดและรู้เท่าทันจะช่วยปกป้องสิทธิของตนเองจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตได้

4.ข้อมูลเพื่อความเชื่อมั่น

ปัจจัยสุดท้ายที่ช่วยให้เรามั่นใจในคุณภาพของอาหารคือ ข้อมูลของผู้ผลิตและเครื่องหมายรับรองต่างๆ บนฉลาก ได้แก่

  • ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต: ได้แก่ ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ซึ่งจะต้องแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจน พร้อมทั้งระบุเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากผู้บริโภคสงสัยในคุณภาพหรือพบปัญหาใด ๆ ก็สามารถตรวจสอบและติดตามแหล่งที่มาของสินค้าได้
  • ตราสัญลักษณ์: สังเกตเครื่องหมาย เช่น เครื่องหมาย อย. ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้ผลิตและจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง หรือเครื่องหมายรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น GMP, HACCP, Organic Thailand, Halal เป็นต้น ที่การันตีว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

สรุป

หากอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียดตามหลักการข้างต้น เชื่อว่าจะช่วยให้คุณเลือกซื้ออาหารได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และได้ประโยชน์คุ้มค่าที่สุด ลองนำไปใช้กันดูนะคะ แล้วจะรู้ว่า การอ่านฉลากเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่อย่างเราเลยล่ะ