คนหนึ่งกำลังเขียนแผนกลยุทธ์บนกระดานไวท์บอร์ด โดยรอบ ๆ มีกระดาษโน้ตติดอยู่ พร้อมข้อความ '7 เรื่องการตลาดในปัจจุบัน ที่คุณต้องรู้'

7 เรื่องการตลาดในปัจจุบัน ที่คุณต้องรู้

การแข่งขันในตลาดปัจจุบันรุนแรงขึ้นมาก ทั้งจากคู่แข่งในประเทศและต่างประเทศ การเข้าใจกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการทุกราย บทความนี้เราจะนำเสนอ 7 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการตลาดในปัจจุบันที่คุณควรรู้ เพื่อช่วยให้คุณสามารถปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้อยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

แสดงถึงบรรยากาศการวางแผนกลยุทธ์การตลาด โดยมีไวท์บอร์ดที่เต็มไปด้วยกระดาษโน้ตที่จดไอเดียและแผนการต่าง ๆ พร้อมข้อความ 'การตลาดที่ต้องรู้ มีเรื่องอะไรบ้าง?'

การตลาดที่ต้องรู้ มีเรื่องอะไรบ้าง?

1.การตลาดแบบลูกทุ่ง หรือการทำธุรกิจแบบไม่มีแผน

การตลาดแบบลูกทุ่งเป็นการทำธุรกิจแบบไม่มีแผนหรือกลยุทธ์ที่ชัดเจน ผู้ประกอบการมักจะเริ่มธุรกิจโดยอาศัยความชำนาญส่วนตัวหรือความชอบส่วนตัวเป็นหลัก โดยไม่ได้ศึกษาตลาดหรือความต้องการของลูกค้าอย่างจริงจัง

ในอดีต การตลาดแบบลูกทุ่งอาจเคยประสบความสำเร็จได้ในบางกรณี แต่ในปัจจุบัน มีการแข่งขันในตลาดมากขึ้น ทั้งจากคู่แข่งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ประกอบการในไทยส่วนใหญ่จึงตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ดังนั้น ผู้ประกอบการในปัจจุบันจึงต้องมีการวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน โดยการวิเคราะห์ตลาด ศึกษาความต้องการของลูกค้า และกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

2.การตลาดที่ดีต้องเริ่มก่อนเปิดธุรกิจ

หนึ่งในความผิดพลาดที่พบบ่อยในหมู่ผู้ประกอบการใหม่คือ การเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ได้ทำการตลาดล่วงหน้า หลายคนมักจะคิดว่าสามารถเริ่มทำการตลาดหลังจากที่เปิดธุรกิจไปแล้วได้ แต่ในความเป็นจริง การตลาดที่มีประสิทธิภาพนั้นควรเริ่มตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดธุรกิจ

การเริ่มต้นธุรกิจด้วยคอนเซปต์ที่ไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ แล้วพยายามแก้ไขด้วยการทำการตลาดภายหลัง มักจะนำมาซึ่งปัญหามากมาย เช่น การที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง หรือการต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจอย่างมากในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้สูญเสียทั้งเวลาและทรัพยากร

การทำการตลาดที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนธุรกิจ โดยเริ่มจาก

  • การสำรวจตลาด: ศึกษาขนาดของตลาด แนวโน้มการเติบโต และส่วนแบ่งทางการตลาดของคู่แข่ง
  • การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย: ทำความเข้าใจความต้องการ พฤติกรรม และปัญหาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  • การพัฒนาคอนเซปต์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ: ออกแบบสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง
  • การทดสอบตลาด: ทดลองนำเสนอแนวคิดหรือต้นแบบผลิตภัณฑ์กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงก่อนเปิดตัวจริง

3.การตลาดหลังการขายสำคัญไม่แพ้การตลาดก่อนการขาย

ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะทุ่มเททรัพยากรไปกับการทำการตลาดก่อนการขายเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่ความจริงแล้ว การตลาดหลังการขายก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การรักษาฐานลูกค้าเดิมมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

การตลาดหลังการขายมีเป้าหมายหลักคือ การสร้างความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การซื้อซ้ำ และการแนะนำบอกต่อ

วิธีการทำการตลาดหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่

  • การให้บริการหลังการขาย: ตอบสนองต่อคำถามและปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การสร้างโปรแกรมสมาชิก: มอบสิทธิพิเศษและรางวัลสำหรับลูกค้าประจำ
  • การส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์: แชร์เคล็ดลับการใช้งานผลิตภัณฑ์ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของลูกค้า
  • การรับฟังความคิดเห็น: เปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นและนำไปปรับปรุงสินค้าหรือบริการ

4.ทุกสิ่งที่ลูกค้าสัมผัสคือการตลาด

หลายคนเข้าใจผิดว่าการตลาดคือเพียงแค่การโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกการสัมผัส (Touchpoint) ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
  • การตกแต่งหน้าร้านหรือสำนักงาน
  • การแต่งกายและมารยาทของพนักงาน
  • คุณภาพของการให้บริการลูกค้า
  • เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท
  • การตอบกลับความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย

ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อภาพลักษณ์และความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญกับทุกการสัมผัส และทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างสอดคล้องกับภาพลักษณ์และคุณค่าที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร
การสร้างประสบการณ์ที่ดีและสม่ำเสมอในทุกจุดสัมผัสจะช่วยสร้างความประทับใจและความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

5.การตลาดต้องไม่น่ารำคาญ

ในยุคที่ผู้บริโภคถูกรุมเร้าด้วยข้อมูลและโฆษณามากมาย การทำการตลาดที่น่ารำคาญไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังอาจสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับแบรนด์อีกด้วย การตลาดที่ดีควรมีลักษณะดังนี้

  • ตรงกลุ่มเป้าหมาย: ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของพวกเขา
  • ให้คุณค่า: นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือให้ความบันเทิงแก่ผู้รับสาร ไม่ใช่แค่พยายามขายสินค้าอย่างเดียว
  • เลือกช่องทางที่เหมาะสม: ใช้ช่องทางการสื่อสารที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานและรู้สึกสะดวก ไม่รบกวนในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
  • ให้ทางเลือก: เปิดโอกาสให้ผู้รับสารสามารถเลือกรับหรือปฏิเสธการสื่อสารการตลาดได้
  • สร้างสรรค์และน่าสนใจ: ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจ แทนที่จะใช้การยัดเยียดข้อมูล
  • ปรับให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม: ออกแบบเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น สั้นกระชับสำหรับโซเชียลมีเดีย หรือให้รายละเอียดมากขึ้นสำหรับบล็อก

6.วางแผนให้ตาย ยังไงก็มั่นใจได้แค่ 60%

แม้การวางแผนการตลาดจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผู้ประกอบการต้องตระหนักว่าไม่มีแผนใดที่สมบูรณ์แบบ 100% ในโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีปัจจัยมากมายที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการตลาดได้ เช่น

  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างฉับพลัน
  • การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม
  • วิกฤตเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันระดับโลก
  • การเคลื่อนไหวของคู่แข่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้

ดังนั้น แทนที่จะพยายามวางแผนให้สมบูรณ์แบบ ผู้ประกอบการควร

  • สร้างแผนที่ยืดหยุ่น: ออกแบบแผนการตลาดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
  • ติดตามและวิเคราะห์ผลอย่างสม่ำเสมอ: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับแต่งตามความจำเป็น
  • เตรียมแผนสำรอง: มีแผนรองรับสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
  • เรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว: ยอมรับความผิดพลาดและใช้เป็นโอกาสในการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงแผนให้ดีขึ้น
  • รักษาสมดุลระหว่างการวางแผนและการลงมือทำ: ไม่ใช้เวลามากเกินไปกับการวางแผน แต่ให้ความสำคัญกับการทดลองและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง

7.การตลาดคือแผนระยะยาว

เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายธุรกิจอาจหลงเข้าใจผิดว่าการทำการตลาดเป็นเพียงการทำแคมเปญระยะสั้นหรือกิจกรรมเฉพาะกิจ แต่ความจริงแล้ว การตลาดที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นแผนระยะยาวที่มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

การวางแผนการตลาดระยะยาวมีประโยชน์หลายประการ เช่น

  • สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์: การสื่อสารอย่างต่อเนื่องช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำและนึกถึงเมื่อลูกค้าต้องการสินค้าหรือบริการ
  • พัฒนาความไว้วางใจ: การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างความไว้วางใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความภักดีต่อแบรนด์
  • เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น: การติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในระยะยาวช่วยให้เข้าใจความต้องการและแนวโน้มของตลาดได้ดีขึ้น
  • ปรับตัวได้ทันการเปลี่ยนแปลง: การมีแผนระยะยาวช่วยให้สามารถคาดการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีกว่า
  • ประหยัดต้นทุนในระยะยาว: แม้อาจต้องลงทุนมากกว่าในช่วงแรก แต่การทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ในระยะยาว

วิธีการวางแผนการตลาดระยะยาว

  1. กำหนดเป้าหมายระยะยาว: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับ 3-5 ปีข้างหน้า
  2. สร้างแผนที่ยืดหยุ่น: ออกแบบแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ แต่ยังคงมุ่งไปสู่เป้าหมายระยะยาว
  3. ลงทุนในการสร้างแบรนด์: มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ใช่แค่การขายสินค้าหรือบริการ
  4. พัฒนาเนื้อหาที่มีคุณค่า: สร้างเนื้อหาที่ให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ
  5. ใช้เทคโนโลยี: นำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง
  6. สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า: ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Relationship Marketing เพื่อสร้างความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า

สรุป

การตลาดในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ผู้ประกอบการที่เข้าใจและนำหลักการทั้ง 7 ข้อนี้ไปปรับใช้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า โดยต้องตระหนักว่าการตลาดไม่ใช่เพียงแค่การโฆษณาหรือการขาย แต่เป็นกระบวนการสร้างคุณค่าและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า การวางแผนอย่างรอบคอบ การปรับตัวอย่างรวดเร็ว และการมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัสจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงได้