7 เทคนิคการโฆษณาอัพเกรดดิจิทัล ที่ดึงดูดใจ

7 เทคนิคการโฆษณาอัพเกรดดิจิทัล ที่ดึงดูดใจ

เรียนรู้ 7 เทคนิคการโฆษณาสร้างสรรค์ที่ได้ผล ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชมและสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์ในยุคปัจจุบัน ด้วยการใช้สี องค์ประกอบภาพ จุดโฟกัส เส้นทางสายตา ตัวอักษร และเทคนิคอื่นๆ ที่พิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จ

ในยุคปัจจุบัน การแข่งขันทางด้านการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกราฟิก บิลบอร์ด โฆษณาทางทีวี หรือโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ล้วนมุ่งดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคด้วยเทคนิคต่างๆ ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างอารมณ์และการมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี หากแบรนด์ต้องการสร้างความโดดเด่น การนำเทคนิคสร้างสรรค์และเครื่องมือการตลาดที่เหมาะสมมาปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

เทคนิคโฆษณายอดนิยมที่มักนำมาใช้ เช่น การเล่นกับอารมณ์ความรู้สึก การใช้แรงกดดันให้ตามกระแส การใช้พรีเซนเตอร์หรือรีวิวจากผู้ใช้จริง รวมถึงการใช้คำพูดชวนเชื่อ ในบทความนี้จะขอแนะนำ 7 เทคนิคการโฆษณาดึงดูดใจ ที่จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชม เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแคมเปญของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • 10 ฟอนต์ ช่วยให้การโฆษณาสินค้าน่าสนใจ
  • 5 สียอดนิยม ที่ใช้ในการออกแบบโฆษณา

เทคนิคการโฆษณาที่ช่วยสร้างแคมเปญที่ดึงดูดใจ

1.จิตวิทยาสี

การใช้สีเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการออกแบบโฆษณาที่น่าสนใจ สีแต่ละสีมีความหมายและความรู้สึกที่แตกต่างกัน การเลือกใช้สีให้ถูกต้องจะช่วยส่งมอบข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

  • สีแดง: เป็นสีที่สื่อถึงความเร่งด่วน ความกระตือรือร้น และการกระตุ้นอารมณ์ จึงเหมาะสำหรับโฆษณากระตุ้นการตัดสินใจซื้อ หรือเน้นให้เกิดการกระทำทันที เช่น ปุ่ม “ซื้อตอนนี้”
  • สีน้ำเงิน: ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ เป็นทางการ และความมั่นคง จึงเหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ด้านความน่าเชื่อถือ เช่น สถาบันการเงิน หรือองค์กรขนาดใหญ่
  • สีเขียว: สร้างความรู้สึกอบอุ่น ธรรมชาติ และความสงบ จึงเหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นความยั่งยืนหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

2.องค์ประกอบภาพที่สมดุล

การจัดวางองค์ประกอบในภาพอย่างสมดุลจะช่วยดึงดูดสายตาผู้ชมและส่งมอบข้อความได้อย่างชัดเจน เทคนิคเช่น กฎ 1 ใน 3, Golden Mean หรือ Gestalt principles เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบภาพให้มีความสมดุล น่าสนใจ และทรงพลัง กฎ 1 ใน 3 แบ่งภาพออกเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน การวางองค์ประกอบสำคัญไว้ตรงจุดตัดของแต่ละส่วน จะทำให้เกิดจุดโฟกัสที่ชัดเจน แต่ยังคงความสมดุลไว้

  • Golden Mean: ใช้อัตราส่วนตามลำดับ Fibonacci เพื่อช่วยในการจัดวางองค์ประกอบให้กลมกลืน ซึ่งมักพบในธรรมชาติและงานศิลปะ
  • Gestalt principles: เป็นหลักการพื้นฐานที่ว่าด้วยการรับรู้ของมนุษย์ ได้แก่ กฎความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการเชื่อมโยง ช่วยให้ภาพดูมีความสมดุลและไหลลื่น

การประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านี้ในการออกแบบองค์ประกอบของภาพโฆษณา จะช่วยให้ภาพดูมีความสมดุล น่าสนใจ และปรับเปลี่ยนสายตาผู้ชมไปยังจุดเน้นที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.สร้างจุดโฟกัส

การกำหนดจุดสนใจหลักในภาพโฆษณาช่วยให้ผู้ชมรับข้อความหลักได้อย่างชัดเจน โดยมีเทคนิคต่างๆ ที่สามารถใช้ได้ ได้แก่

  • Selective Focus: การเน้นความคมชัดที่จุดโฟกัสและเบลอพื้นหลัง หรือในทางกลับกัน เพื่อให้จุดสำคัญโดดเด่นขึ้น
  • การควบคุมการเปิดรับแสง: การปรับความสว่างหรือมืดในภาพ เพื่อให้จุดโฟกัสเด่นชัดขึ้น
  • แหล่งกำเนิดแสง: การใช้แสงส่องสว่างเฉพาะจุดโฟกัส ช่วยดึงความสนใจของผู้ชมไปยังองค์ประกอบที่สำคัญ

กรณีมีจุดโฟกัส 2 จุด สามารถใช้หลัก Gestalt เพื่อสร้างความสมดุล เช่น จัดวางให้มีน้ำหนักเท่ากัน หรือใช้สีหรือขนาดที่แตกต่างกัน และการใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมจดจำข้อความหลักได้ชัดเจน และเกิดความรู้สึกที่ต้องการส่งถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.เส้นทางสายตา

การสร้างเส้นทางการมองภาพให้ผู้ชมติดตามเนื้อหาตามลำดับ เป็นเทคนิคสำคัญในการออกแบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ

รูปแบบเส้นทางสายตาที่นิยม ได้แก่

  • รูปตัว Z: เริ่มจากมุมซ้ายบน เคลื่อนไปทางขวา วกกลับไปทางซ้ายและลงมาในแนวทแยงก่อนจะข้ามไปทางขวาอีกครั้ง
  • รูปตัว F: คล้ายกับรูปตัว Z แต่แทนที่จะวกกลับไปซ้ายในแนวทแยงลง มันจะไล่ตามเส้นคล้ายการอ่านบล็อกข้อความ

การจัดวางองค์ประกอบตามเส้นทางสายตาเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ชมติดตามเนื้อหาตามลำดับ เกิดการมีส่วนร่วมและจดจำเนื้อหาได้ดีขึ้น เช่น การวางภาพผลิตภัณฑ์และเนื้อหาสำคัญตาม Path ที่กำหนด ทั้งนี้ นอกจากสื่อภาพนิ่ง เส้นทางสายตาก็สามารถนำมาใช้ในโฆษณาวิดีโอ โดยการกำกับกล้องให้ผู้ชมมองไปตามเส้นทางของเรื่องราว

5.การใช้ตัวอักษร

ตัวอักษรในโฆษณาไม่เพียงแค่ถ่ายทอดข้อความ แต่ยังช่วยสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมโยงกับแบรนด์ การเลือกใช้ฟอนต์ที่เหมาะสมและจัดวางตัวอักษรอย่างลงตัวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา

การเลือกใช้ฟอนต์ที่เหมาะสมกับแบรนด์และเนื้อหาจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และส่งเสริมอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องการสื่อสาร เช่น ฟอนต์ที่ดูทันสมัยและเข้ากับกลุ่มเป้าหมายในโฆษณาเครื่องสำอางหรืออุปกรณ์เทคโนโลยี

6.การเล่าเรื่องผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง

ในโฆษณาวิดีโอ การใช้มุมมองของตัวละครหลักหรือมุมมองบุคคลที่หนึ่งจะช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและการจดจำเนื้อหา โดยการใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังเป็นตัวเอง หรือกำลังมองเห็นโลกผ่านสายตาของตัวละครหลัก ซึ่งช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงประสบการณ์และอารมณ์ของตัวละครได้มากขึ้น

นักการตลาดมักใช้เทคนิคนี้ในการโฆษณาวิดีโอ โดยอาจใช้กล้องติดตามการเคลื่อนไหวของนักแสดง หรือใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น GoPro ติดกับหมวกเพื่อสร้างมุมมองที่เหมือนกับตาของตัวละคร

การเล่าเรื่องผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งจึงเป็นเทคนิคที่ช่วยสร้างความรู้สึกผูกพัน และความจดจำเนื้อหาของผู้ชมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวโน้มผู้บริโภคที่ต้องการมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้นในปัจจุบัน

7.การใช้พรีเซนเตอร์หรือบุคคลอ้างอิง

การใช้พรีเซนเตอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย หรือการใช้รีวิวจากผู้ใช้จริง จะช่วยให้ข้อความน่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจมากขึ้น

  • การใช้พรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และการยอมรับของผู้ชม เนื่องจากผู้ชมมีความศรัทธาในตัวพรีเซนเตอร์นั้นอยู่แล้ว
  • การใช้ testimonials หรือรีวิวจากผู้ใช้จริง ก็เป็นอีกเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับแบรนด์ เพราะมาจากประสบการณ์ตรงของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถตอบสนองความต้องการได้จริง

การผสมผสานเทคนิคการใช้พรีเซนเตอร์และรีวิวจากลูกค้าในโฆษณา จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลให้การสื่อสารแบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

โดยการผสมผสานเทคนิคเหล่านี้อย่างเหมาะสม จะส่งผลให้โฆษณามีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชมได้เป็นอย่างดี